โดยปกติ
เมื่ออนุภาคใหม่ได้ถูกค้นพบหรือเมื่อพิสูจน์ได้ว่าสมมุติฐานนั้นถูกต้อง สสารนั้นมักจะอยู่ในระดับที่เล็กมากจนยากที่เราจะจินตนาการถึงขนาดของมันได้ ซึ่งที่กล่าวมานี้
จะไม่รวมถึงกรณีของสสารมืด เนื่องจากนักวิจัยได้ค้นพบว่า
อนุภาคของสสารมืดนั้นอาจมีขนาดใหญ่ได้ถึง 1ใน3 ของเซลล์มนุษย์
และความหนาแน่นของมันก็มีมากพอที่จะสร้างหลุมดำขนาดจิ๋วได้เลยทีเดียว!!!
จากรายงานเรื่องของ Dark matter 5 ใน 6 ส่วนของสสารทั้งหมดในจักรวาลคือสสารมืด
ไม่มีใครรู้ว่าสสารมืดคืออะไร
มันทำงานอย่างไร หรือมันมีลักษณะอย่างไร ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องที่ลึกลับ
แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ตั้งสมมุติฐานไว้ว่าสสารมืดยังคงมีอยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในจักรวาลนี้
และต้องมีบทบาทที่สำคัญบางอย่างต่อจักรวาลนี้เช่นกัน
เพื่อศึกษาเรื่องนี้
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Southern Denmark ได้ออกแบบการทดลองเพื่อวัดขนาดของสสารมืดดังกล่าว
ก็คาดกันว่าอาจมีขนาดมากกว่าขนาดของอนุภาคโปรตอนถึง
109 เท่า
หากสมมุติฐานนี้ถูกต้อง อนุภาคของสสารมืด 1 อนุภาค จะมีขนาดประมาณ 1 ไมโครกรัม
ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำหนัก 1/3 ของเซลล์มนุษย์ (เซลล์มนุษย์ 1 เซลล์ มีน้ำหนักประมาณ 3.5 ไมโครกรัม) และมีน้ำหนักมากพอที่จะเปลี่ยนสภาพเป็นหลุมดำจิ๋วได้
ทีมนักวิจัยคาดว่าปริมาณดังกล่าวอาจนำไปสู่การสร้างโมเดลของอนุภาคมวลมากแบบใหม่ที่เรียกว่า
อนุภาค PIDM (Planckian Interacting Dark Matter) ซึ่งอนุภาคดังกล่าวถูกจัดเป็นกลุ่มของอนุภาคที่เรียกว่า "weakly interacting massive particles" หรือ WIMPS (เป็นอนุภาคขนาดใหญ่
แต่มีปฏิกิริยากับอนุภาคแวดล้อมในระดับต่ำ ตรวจจับได้ยาก)
โดยก่อนหน้านี้ ทีมนักวิจัยคาดว่า WIMPS จะมีมวลมากกว่าโปรตอน
100 เท่า (อ้างจากรายงานของ Charles Q. Choi ใน LiveScience) แต่เมื่อมีการพูดถึงสมมุติฐานการมีอยู่ของอนุภาค WIMPS
กลับพบว่ามีเบาะแสเกี่ยวกับการมีอยู่ของมันน้อยมาก
ซึ่งคล้ายคลึงกับเบาะแสที่เราค้นพบได้จากสสารมืดที่มีอยู่น้อยนิดเช่นกัน และนี่ก็อาจจะเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้ศึกษาถึงการมีอยู่ของสสารมืด
หากสมมุติฐานที่ทีมวิจัยตั้งไว้ถูกต้อง
นั่นหมายความว่า ขนาดของสสารมืดจะใหญ่เกินกว่าที่นักวิจัยจะใช้เครื่องเร่งอนุภาคสร้างมันขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม
สสารมืดยังคงมีอยู่ในพื้นผิวของจักรวาลที่สังเกตได้ในระดับของคลื่นไมโครเวฟ
ที่ซึ่งแสงในระดับที่ตาเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้
หากอธิบายโดยย่อคือ
ได้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่าบิกแบงขึ้นเมื่อ 13.8 พันล้านปีก่อน
หลังจากนั้นจักรวาลจะอยู่ในช่วงที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ซึ่งนักวิจัยเรียกกันว่า การขยายตัว (inflation)
เมื่อเวลาผ่านไป จักรวาลได้เข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า ช่วงคลายความร้อน (reheating)
ช่วงนี้เองที่เกิดการสร้างอนุภาคเกิดขึ้น และเป็นไปได้ว่า
จะเป็นช่วงที่สสารมืดขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม
Charles Q. Choi ได้กล่าวไว้ว่า เพื่อให้สมมุติฐานเป็นจริง
อุณหภูมิในช่วงการคลายความร้อนนั้น ควรจะมีระดับที่มากกว่าที่เราคาดกันไว้ในแบบจำลองการเกิดบิกแบงสักหน่อย
เพราะอุณหภูมิที่สูงมากพอนั้น จะปลดปล่อยคลื่นพลังงานออกมาค่าหนึ่ง ที่ทำให้เราสามารถสังเกตเห็นได้ในรูปของคลื่นไมโครเวฟพื้นหลังจักรวาล
ซึ่งเป็นช่วงคลื่นที่เครื่องตรวจจับคลื่นไมโครเวฟในอนาคตจะสามารถตรวจจับได้
ที่จริงแล้ว
หากเราสามารถสังเกตสสารมืดโดยตรงได้
ก็จะช่วยให้เราไขทฤษฎีต่างๆได้มากมายเกี่ยวกับการเกิดของจักรวาลและความเป็นไปในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิจัยต่างต้องการเครื่องมือที่ดีกว่านี้
ดังคำกล่าวของนักดาราศาสตร์ชื่อว่า McCullen
Sandora จากสถาบัน University of Southern Denmark ที่คาดว่า เราจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ภายในทศวรรษหน้า
ในปัจจุบัน
เราทำได้เพียงคาดเดาว่าสสารมืดทำงานอย่างไร และการรวมมันไว้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญส่วนหนึ่งของจักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้
ท่านสามารถอ่านรายงานการวิจัยเพิ่มเติมได้ที่ Physical
Review Letters
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความ : http://www.sciencealert.com/dark-matter-might-actually-be-super-heavy-particles-the-size-of-human-cells
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น